เป็นไม้ล้มลุก ที่มีลำต้นใต้ดิน
ลักษณะเป็นเหง้าซึ่งหัวออกหน่อแตกตัวไปทางด้านข้างติดกันคล้ายหัวข่าแต่ขนาดใหญ่กว่า ลำต้นเหนือดินเป็นกาบก้านใบมีสีแดง
ใบ เป็นใบเดี่ยว ลักษณะใบรีรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ
แผ่นใบมีสีเขียวนวลเป็นพรายปรอท ก้านใบตลอดจนท้องใบมีสีแดง
หากต้องแสงอาทิตย์กล้าจะมีประกายส่องแสงสะท้อนออกมาแวววับ
ริมใบทั้งสอบด้านจะห่อเข้าหากันอยู่เสมอ เวลาออกยอดใบก็จะมีสีแดงเช่นกัน
ดอก ออกดอกเป็นช่อรูปเกือบกลม สีขาวถึงแดง แต่มักไม่ค่อยจะออกดอก เหมือนกับว่านขุนแผนสามกษัตริย์
บางคนเชื่อว่า ใครมีว่านแสงอาทิตย์นี้มาปลูกไว้ในบริเวณบ้านได้
นับว่าเป็นบุญของเจ้าของมากเพราะถือว่าเป็นว่านที่มีค่าอนันต์หายาก
ทั้งเมตตามหานิยม สิริมงคล ทำให้เจ้าของบ้านมีสง่าราศี
เป็นที่เกรงขามของผู้คน แม้ผู้คนที่เคยดูถูกเหยียดหยามจะตามมางอนงอนขอขมา
เนื่องจากพลังงานประหลาดจากต้นและหัวว่าน
อุปมาดังแสงอาทิตย์ที่เป็นประธานของสรรพสิ่งทั้งหลายในพิภพนี้
ถือเป็นว่านศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์มากมาย
ผู้ใดรับประทานหัวว่านเข้าไปแล้วถึงขั้นเหาะเหินเดินอากาศได้
ถ้าทาตาเข้าก็อาจจะแลเห็นไปทั่วตลอดถึงชั้นฟ้า บาดาล
โดยก่อนจะทำจะต้องเข้าพิธีมณฑลชำระตัวและจำศีลภาวนา จนเกิดสมาธิ
จึงจะประสิทธิผลสมประสงค์บางตำรากล่าวว่า
ก่อนอื่นให้นำหัวว่านมาล้างให้สะอาดแล้วเอามาโขลกให้ละเอียดใส่พานไว้
อธิษฐานตั้งอยู่ในความสัตย์และทรงศีลบริสุทธิ์ คือ ถือศีล ๕ ศีล ๘
โดยบริสุทธิ์ แล้วบริการรมด้วยคาถา “นะโมพุทธายะ”
ตั้งจิตแน่วแน่เป็นสมาธิเพ่งอยู่ในตัวยาในพานนั้น
จนเกิดนิมิตแลเห็นภาพพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ มาปรากฏชัดขึ้นจากตัวยา
โดยแลเห็นได้ด้วยสายตาของตนเอง ในการภาวนา “นะโมพุทธายะ” นั้น
เมื่อเกิดนิมิตเช่นนี้แล้วจะเป็นผลทำให้เกิดมหินทรานุภาพ(มีฤทธิ์แรง)
ขึ้นแก่ว่านที่ทำไว้นั้น สามารถดลบันดาลให้เกิดมีขึ้นได้ เช่น
เมื่อกินเข้าไปสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ และบรรดาโรคภัยไข้เจ็บใดๆ
ที่มีอยู่ในร่างกายแต่เดิมก็จะค่อยบรรเทาหายจนหมด
ขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อหรือเหง้า
ใช้ดินที่สะอาดปราศจากมลทินปนทรายท้องน้ำ หรือทรายคั่ว ที่ชำระด้วยไฟธาตุ
หรือดินสีแดงเป็นดินปลูกกระถางที่จะนำมาปลูกควรเป็นกระถางใหม่
และมีความสะอาด วิธีการปลูกโดยกลบดินปลูกพอมิดหัวว่าน อย่ากดดินปลูกให้แน่น
น้ำสำหรับรดต้องเสกด้วยคาถา “นะโมพุทธายะ” หรือ “อิติปิ โสฯ” ๗ จบ
ปลูกวันเกิดข้างขึ้นของผู้เป็นเจ้าของ จะดีและเป็นสิริมงคล